บทที่ 4
1. สื่อกลางประเภทมีสายแต่ละประเภท
มีข้อดีและข้อเสียอย่างไรบ้าง จงเปรียบเทียบ
สายคู่บิดเกลียว
(Twisted – Pair Cable)
สายคู่บิดเกลียวประกอบด้วยสายทองแดง ที่หุ้มด้วยฉนวนพลาสติก
หลังจากนั้นก็นำสายทั้งสองมาถักกันเป็นเกลียวคู่ เช่น
สายคู่บิดเกลียวที่ใช้กับเครือข่ายท้องถิ่น (CAT5) การนำสายมาถักเป็นเกลียวเพื่อช่วยลดการแทรกแซงจากสัญญาณรบกวน
สายคู่บิดเกลียวมีอยู่ 2 รูปแบบ คือ
สายคู่บิดเกลียวแบบไม่มีชีลด์และแบบมีชิลด์
สายคู่บิดเกลียวแบบไม่มีชีลด์ (Unshielded Twisted –Pair Cable :UTP
นิยมใช้งานมากในปัจจุบันมีลักษณะคล้ายกับสายโทรศัพท์บ้านไม่มีการหุ้มฉนวนมีแต่การบิดเกลียวอย่างเดียว
สายคู่บิดเกลียวแบบมีชิลด์ (Shielded Twisted –Pair Cable :STP)
สำหรับสายSTP
คล้ายกับสาย UTP แต่สาย STP จะมีชิลด์ห่อหุ้มอีกชั้นหนึ่ง ทำให้ป้องกันสัญญาณรบกวนได้ดีกว่าสาย UTP
ข้อดี ข้อเสีย
ราคาถูก มีความเร็วจำกัด
มีน้ำหนักเบา ใช้กับระยะทางสั้นๆ
ง่ายต่อการใช้งาน
สายโคแอกเชียล
(Coaxial Cable)
สายมักทำด้วยทองแดงอยู่แกนกลาง
ซึ่งสายทองแดงจะถูกห่อหุ้มด้วยพลาสติก
จากนั้นก็จะมีชิลด์ห่อหุ้มอีกชั้นหนึ่งเพื่อป้องกันสัญญาณรบกวน
และหุ้มด้วยเปลือกนอกอีกชั้นหนึ่งป้องกันสัญญาณรบกวนจากคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าได้ดี
สายโคแอกเชียลที่เห็นได้ทั่วๆไป คือ
สายที่นำมาใช้ต่อเข้ากับเสาอากาศทีวีที่ใช้ตามบ้าน
ข้อดี ข้อเสีย
เชื่อมต่อได้ในระยะไกล มีราคาแพง
ป้องกันสัญญาณรบกวนได้ดี สายมีขนาดใหญ่
ติดตั้งยาก
สายไฟเบอร์ออปติค(Optical Fiber)
สายไฟเบอร์ออปติคหรือสายใยแก้วนำแสง เป็นสายที่มีลักษณะโปร่งแสง
มีรูปทรงกระบอกในตัวขนาดประมาณเส้นผมของมนุษย์แต่มีขนาดเล็ก สายไฟเบอร์ออปติค แบ่งเป็น 3 ชนิด
1.Multimode step –index fiber จะสะท้อนแบบหักมุม 2. Multimode graded –index มีลักษณะคล้ายคลื่น
ข้อดี ข้อเสีย
มีขนาดเล็กน้ำหนักเบา เส้นใยแก้วมีความเปราะบาง แตกหักง่าย
มีความปลอดภัยในการส่งข้อมูล มีราคาสูง เมื่อเทียบกับสายเคเบิลทั่วไป
มีความทนทานและมีอายุการใช้งานยาวนาน การติดตั้งจำเป็นต้องพึ่งพาผู้เชี่ยวชาญเฉพาะ
2.หากนำระบบเครือข่ายมาใช้ในองค์กรนักศึกษาจะเลือกรูปแบบของระบบเครือข่าย(LAN Topology)
แบบใดเพราะอะไร
เลือกแบบ client-server เป็นระบบที่มีเครื่องคอมพิวเตอร์ทุกเครื่องมีฐานะการทำงานที่เหมือน
ๆ กัน เท่าเทียมกันภายในระบบ เครือข่าย แต่จะมีเครื่องคอมพิวเตอร์เครื่องหนึ่ง
ที่ทำหน้าที่เป็นเครื่อง Server ที่ทำหน้าที่ให้บริการทรัพยากรต่าง ๆ ให้กับ เครื่อง Client หรือเครื่องที่ขอใช้บริการ ซึ่งอาจจะต้องเป็นเครื่องที่มีประสิทธิภาพที่ค่อนข้างสูง
ถึงจะทำให้การให้บริการมีประสิทธิภาพตามไปด้วย ข้อดีของระบบเครือข่าย Client
- Server เป็นระบบที่มีการรักษาความปลอดภัยสูงกว่า ระบบแบบ Peer
To Peer เพราะว่าการจัดการในด้านรักษาความปลอดภัยนั้น จะทำกันบนเครื่อง
Server เพียงเครื่องเดียว ทำให้ดูแลรักษาง่าย และสะดวก
มีการกำหนดสิทธิการเข้าใช้ทรัพยากรต่าง ๆให้กับเครื่องผู้ขอใช้บริการ หรือเครื่อง Client
ประเภทของระบบเครือข่าย มีอีกรูปแบบหนึ่งที่กำลังเป็นที่นิยมใช้กันในปัจจุบันก็คือการเชื่อมต่อแลนแบบไร้สายWireless Lan แลนไร้สาย WLAN เป็นเทคโนโลยีที่นำมาใช้ได้อย่างกว้างขวาง
เหมาะที่จะใช้ได้ทั้งเครื่องพีซีตั้งโต๊ะธรรมดา และเครื่อง NoteBook ซึ่งการส่งสัญญาณติดต่อกันนั้น
จะใช้สัญญาณวิทยุเป็นพาหะ
ดังนั้นความเร็วในการส่งข้อมูลก็จำเป็นต้องขึ้นอยู่กับระยะทาง ระยะทางยิ่งไกล
ความเร็วในการส่งข้อมูลก็ทำให้ช้าลงไปด้วย
แลนไร้สายเหมาะที่จะนำมาใช้กับงานที่ต้องการความคล่องตัวในการปฏิบัติงาน อย่างเช่นพวก เครื่อง NoteBook เพียงแต่มีอินเตอร็เฟสแลนแบบไร้สาย
ก็สามารถเคลื่อนที่ไปที่ใดก็ได้ภายในของเขตของระยะทางที่กำหนด อย่างเช่นภายในตึกได้ทั่วตึกเลยที่เดียว
จุดเด่น ๆ ของ Wireless Lan มีดังนี้
- การเคลื่อนที่ทำได้สะดวก สามารถใช้ระบบแลนจากที่ใดก็ได้
และสามารถเข้าถึงข้อมูลได้แบบ Real Time ได้อีกด้วย
-
การติดตั้งใช้งานง่าย และรวดเร็ว ไม่ต้องเดินสายสัญญาณให้ยุ่งยาก
-
การติดตั้งและการขยายระบบ ทำได้อย่างกว้างขวาง
เพราะสามารถขยายไปติดตั้งใช้งาน ในพื้นที่ ที่สายสัญญาณเข้าไม่ถึง
-
เสียค่าใช้จ่ายลดน้อยลง เพราะว่าในปัจจุบันการส่งสัญญาณของ Wireless
Lan ทำได้ไกลมากยิ่งขึ้น สามารถส่งได้ไกลกว่า 10 กม. ทำให้ลดค่าใช้จ่ายในส่วนของการเช้าสายสัญญาณลงไปได้เป็นอย่างมาก
- มีความยืดหยุ่นในการใช้งานและการติดตั้ง
สามารถปรับแต่งระบบให้ใช้ได้กับทุก Topology เลยทีเดียว
การปรับแต่งทำได้ง่าย ไม่ว่าจะเป็นการติดตั้งเครือข่าย การติดตั้ง Application
ต่าง ทำได้โดยง่าย
มาตราฐานของ
Wireless
Lan นั้นตามมาตรฐานสากล 802.11 มีอัตราการส่งสัญญาณข้อมูลได้สูงสุด
11 เมกะบิตต่อวินาที
ระยะทางการรับส่งสัญญาณขึ้นอยู่กับผู้ผลิตว่าออกแบบมาอย่างไร
ถ้าเป็นการใช้ภายในอาคารสถานที่ ก็จะใช้สายอากาศแบบทุกทิศทาง จะได้ระยะทางประมาณ 50
เมตร แต่ถ้าเป็นการใช้กันแบบจุดต่อจุดหรือนอกสถานที่
ก็จะมีการออกแบบให้ใช้สายอากาศแบบกำหนดทิศทาง ให้ได้ระยะทางมากกว่า 10 กม.ได้
เหตุผลที่เลือกใช้เพราะ ใช้งานได้ง่าย มีความปลอดภัย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น